วันศุกร์ที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2558

เครื่องฉีดน้ำแรงดันสูง สำหรับใช้ล้างรถ

ท่านผู้อ่านหลายท่านคงเจอะเจอกับอุปสรรคที่ว่า ทำไมช่วงฤดูฝน รถที่พึ่งจะล้างเสร็จจะต้องเลอะอีกแล้ว ทำให้รำคาญกับคราบตะไคร่น้ำ หรือคราบดำที่ฝังที่แน่นตามพื้นหน้าบ้าน รอยสกปรกห้องน้ำที่เลอะเทอะเหลือเกิน หากทำคนเดียวนี้ถ้าจะออกแรงล้างกันเองก็คงต้องท้อกันก่อนทำเป็นแน่เครื่องไม้เครื่องมือที่หลายท่านมองหาอยู่เพื่อมาช่วยบรรเทาปัญหาเหล่านี้ คือ เครื่องฉีดน้ำแรงดันสูง แล้วต้องซื้อ แบบไหนดี ความแรงกี่บาร์ ถึงจะเหมาะกับงานที่ต้องใช้งาน

เครื่องฉีดน้ำแรงดันสูง 150บาร์


สำหรับใช้ล้างรถ
สำหรับผู้อ่านบ้านไหนที่ใช้สำหรับล้างรถอย่างเดียว เช่น รถกระบะ ล้างรถเก๋ง จักรยาน มอไซด์ ฟอร์นิเจอร์ ล้างแอร์  และงานบ้านธรรมดา ก็ควรเลือกซื้อแค่แรงดัน 100 bar ก็เพียงพอต่อการมใช้งานแล้ว แต่ถ้ามีทุนสักหน่อย ก็ดูสัก 120 bar เป็นต้น

ใช้สำหรับล้างรถและพื้นหน้าบ้าน ขอบขัณฑสีมาไม่กว้างมาก
แนะนำความแรงสัก 120 bar เหมาะกับการใช้งานไม่เกิน 1 ซ.ม.

ใช้ล้างพื้นเป็นหลัก และใช้ล้างรถเป็นส่วนน้อย
แนะนำความแรงสัก 130 บาร์  ใช้งานติดต่อกันอยุ่ที่ 1 ชั่วโมงครึ่ง ถึง 2 ชั่วโมง

จุดเด่นของเครื่องฉีดน้ำแรงดันสูง 
ช่วยให้ประหยัดเวลาในการทำงาน เช่น ล้างพื้น ล้างรถ ใช้งานง่าย และยังช่วยประหยัดการใช้น้ำลงไปถึง 50-60 % และเครื่องที่เป็นระบบ auto stop ระบบเครื่องจะการหยุดทำงาน ในตอนที่ไม่ได้กดไกปืนฉีดน้ำ โดยขณะใช้งานอยู่ไม่ต้องเสียเวลาเดินไปเปิด-ปิดเครื่องบ่อยๆ เพราะจะมีระบบตัดไฟตัดน้ำauto stopถ้าหากเครื่องร้อนเกินไปเพื่อนๆหลายคนคงไม่สบายใจว่า ซื้อแรงดันสูงเวลาเอาไปใช้งานและล้างรถยนต์ สีของรถยนต์จะเป็นอันตรายไหม จริงๆแล้ว อู่ล้างรถใช้แรงดันอยุ่ที่ 150-180 bar ซึ่งสเปค 100 - 130 bar ไม่เป็นผลเสียต่อสีรถแน่นอน

คำเสนอแนะการใช้เครื่องฉีดน้ำแรงดันสูง
• ควรปล่อยน้ำไหลเข้าเครื่องสักครู่ก่อน แล้วค่อยเปิดใช้งานเครื่อง เพื่อป้องกันเครื่องชำรุด
• หากเครื่องมีปัญหากระตุกควรหยุดการใช้งานเครื่องแล้วเปิดใหม่ หากยังกระตุกอยู่ควรส่งเครื่องให้ช่างตรวจดู
• ขณะใช้งานห้ามให้สายส่งน้ำบิดงอเพราะขณะใช้งานแรงดันภายในสายจะมีมากอาจทำให้สายเสียได้
• ขณะใช้งานแนะนำให้สวมเครื่องป้องกันดวงตา รองเท้า และอุปกรณ์ปิดปาก-จมูก เพื่อป้องกันฝุ่นละอองและน้ำกระเด็นใส่
• ควรไล่แรงดันภายในสายหลังเลิกใช้งาน ด้วยการกดไกปืน 1 ครั้ง
หากไม่ประมาทก็สามารถใช้งานเครื่องฉีดน้ำแรงดันสูงได้อย่างถูกวิธีและปลอดภัยไร้กังวลได้คะ

วันอังคารที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2558

สว่านไฟฟ้า คืออะไร ใช้งาน เช่นใด ดูแลรักษาเช่นไร

สว่านไฟฟ้า เป็น อุปกรณ์ช่างไม้ที่ช่างขาดไม่ได้
สว่าน คือเครื่องมือช่างไฟฟ้าชนิดหนึ่ง ใช้สำหรับเจาะรูบนวัสดุหลายประเภท เป็นเครื่องมืองช่างที่ใช้เสมอในงานไม้และงานโลหะ ประกอบด้วยส่วนสำคัญคือดอกสว่านที่หมุนได้
ดอกสว่านจับอยู่กับเดือยด้านหนึ่งของสว่าน และถูกกดลงไปบนอุปกรณ์ที่ต้องการจากนั้นจึงถูกทำให้หมุน ปลายดอกสว่านจะทำงานเป็นตัวตัดเจาะวัสดุ กำจัดเศษวัสดุระหว่างการเจาะ (เช่น ขี้เลื่อย) หรือทำงานเป็นตัวสูบอนุภาคเล็กๆ (เช่นการเจาะน้ำมัน)
สว่านไฟฟ้า มีรูปร่าง คล้ายปืน มีด้ามจับในแบบเดียวกันกับปืน ส่วนด้านปลายแหลมนั้นจะมีแบบคล้ายไม้ตะเกียบกลมๆ เรียกว่าดอกสว่าน โดยดอกสว่านนั้นจะเป็นแท่งยาวๆ แท่งนั้น จะมีรูปร่างเป็นเกลียว ปลายแหลมคล้ายดินสอ ซึ่งดอกสว่านจะมีหลากหลายสัดส่วน แต่ละขนาดก็เหมาะสมกับการใช้งานแต่ละอย่าง(ซึ่งผมจะมาแนะนำการใช้งานอีกครั้ง) มีสายไฟสำหรับรับกระแสไฟฟ้าในการใช้งาน  ส่วนตัวจับนั้น จะมีรูปร่างเป็นปุ่มคล้ายปืนฉีดน้ำ เอาไว้บังคับหรือกดให้อุปกรณ์ช่างทำงานได้นั่นเอง

สว่านไฟฟ้า และข้อพึงระวังในการใช้งาน
การใช้งานสว่านไฟฟ้านั้น ก่อนการใช้งานควรจะตรวจให้แน่ใจว่าสว่านไฟฟ้าอยู่ในสภาพที่ใช้งานได้ เวลาจะใช้งานควรจะต้องเตรียมอุปกรณ์ช่างไม้ป้องกันให้พร้อม ไม่ว่าจะเป็นแว่นตาป้องกัน และชุดป้องกันอันตราย เมื่อใช้งานเสร็จเรียบร้อย ควรทำความสะอาด และมีการตรวจตราสว่านไฟฟ้าให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์ แล้วเก็บรักษาไว้ในกล่องอุปกรณ์การช่างไว้ให้มิดชิด

อุปสรรคที่มักจะพบบ่อยๆของสว่านไฟฟ้า
ส่วนใหญ่สว่านไฟฟ้ายี่ห้อดีๆหน่อยมักจะไม่ค่อยมีปัญหาเท่าไหร่ ปัญหาที่พบส่วนมากมักเป็นยี่ห้อเกรดรองๆลงมา ปัญหาที่พบมักจะเป็นเรื่อง มอเตอร์ไหม้ เพราะว่าใช้งานไม่ถูกแบบ ทุ่นสึก หรือ ปัญหาแปรงถ่านหมด ถ้าเป็นยี่ห้อ เกณฑ์การหาร้านซ่อมไม่ใช่เรื่องยาก

เทคนิคการใช้สว่าน    
- ก่อนที่จะเจาะทุกครั้งควรใช้เหล็กตอกนำศูนย์ตรงจุดที่ต้องการเจาะ เพื่อให้ดอกสว่านลงถูกตำแหน่ง
- ควรจับเครื่องเจาะให้กระชับและตรงจุดที่เจาะ  
- การเจาะต้องออกแรงกดให้สัมพันธ์กับการหมุน เพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้
- ในการเจาะชิ้นงานให้ทะลุทุกแบบจะต้องมีวัสดุรองรับชิ้นงานเสมอ
- ควรเลือกใช้ดอกสว่านให้สมควรกับขนาดของชิ้นงาน      
- ไม่ควรใช้ดอกสว่านผิดหมวด เช่น ดอกสว่านเจาะคอนกรีตไม่ควรนำไปเจาะเหล็ก เป็นต้น

การจัดเก็บและบำรุงรักษา    
-  ตรวจสอบซ่อมแซมสว่านให้มีสภาพการใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ทำความสะอาดหลังการใช้งานทุกครั้ง    
- เมื่อจะนำไปเก็บให้ชโลมนำมันเครื่องใสทุกครั้ง

วันศุกร์ที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2558

โรงงานอุตสาหกรรมเลือกใช้ปั๊มลมแบบไหน

ปั๊มลม หรือ ปั๊มลมขนาดเล็ก มีชื่อภาษาอังกฤษว่า "Air Compressor" ดำเนินการในการอัดลมให้มีแรงกดดันสูงตามที่เราต้องการเพื่อนำไปใช้ประโยชน์และประยุคใช้ได้หลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นระบบลมในโรงงานอุตสาหกรรมตั้งแต่ขนาดเล็ก ตลอดจนถึงโรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ ระบบนิวเมติกส์ และอุตสาหกรรมครัวเรือน เช่นร้านซ่อมรถ ซึ่งจะใช้เป็นปั๊มลมตระกูลลูกสูบ (Piston Air Compressor) เพราะใช้แรงดัน (Pressure) ไม่สูงมาก เป็นต้น ส่วนเครื่องปั๊มลมที่ใช้ในโรงงานนั้นส่วนมากแล้วจะใช้เป็นปั๊มลมลักษณะสกรู (Screw Air Compressor) ซึ่งจะใช้แรงลมที่มากกว่า ปกติแล้ว ปั๊มลมหรือปั๊มลมขนาดเล็ก คือ วัตถุบีบอัดอากาศจากบรรยากาศ   เพื่อให้เกิดแรงดันสูงขึ้น  และสามารถนำไปใช้ในแบบหนึ่งของ”พลังงาน”   อากาศที่ถูกอัดสามารถนำไปใช้งานได้ดีเสมือนหนึ่งในสามทรัพยากรของโรงงาน    ได้แก่ไฟฟ้า , น้ำประปา และ ลมอัด      ด้วยคุณลักษณะที่เหมาะสมและหลากหลาย   การใช้งานลมได้รับความนิยมอย่างมากในเครื่องปั๊มลมของการนำลมใช้เป็นตัวขับเครื่องจักรต่างๆ   เช่น  เครื่องมือ หุ่นยนต์  จำพวกต่างๆ
ปั้มลม คือ พลังงานใหม่ที่น่าศึกษา เนื่องแต่มีเครื่องปั๊มลมรองรับมากมาย เช่น ปืนลม สกัดคอนกรีตลม ปากกาลม ไขควงลม สว่านลม AIR DRILLS, ปืนเป่าลม AIR BLOW GUN, เครื่องยิงตะปูลม AIR STRAPLERS/AIR NAILERS ฯลฯ การใช้ปั๊มลมขนาดเล็กจึงเป็นที่นิยม เพราะสามารถใช้กับอุตสาหกรรมได้เป็นแหล่งพลังงานขับเคลื่อน เครื่องปั๊มลมของเครื่องกล ปั้มลมของเครื่องอัดอากาศ หรือแม้กระทั้งหุ่นยนต์ เครื่องปั๊มลมสำหรับงานอุตสาหกรรม เครื่องปั๊มลมตามอู่ซ่อมรถ ร้านปะยาง ปเครื่องอัดลมพ่นสีตามอู่ซ่อมสีรถยนต์ บริการล้างรถ เครื่องอัดลมสำหรับงานไม้ เฟอนิเจอร์ ตกแต่งภายใน หรือใช้ตามบ้านสำหรับงานอดิเรก พ่นสีโมเดล ใช้เครื่องอัดลมกับแอร์บลัช เพื่องานประกอบโมเดล เครื่องอัดอากาศ หรือเครื่องอัดลม เราควรมาดูความต้องการใช้งานปั้มลมให้เหมาะสมกับงาน

ขั้นตอนเลือกซื้อเครื่องอัดลม
เราต้องเลือกดูงานที่เราจะใช้ เราต้องการปั๊มลมขนาดเล็กที่แรงดันมากน้อยขนาดไหน ปริมาณลมที่ต้องการมาก ความต่อเนื่องของงาน หรือปริมาณการจ่ายลม ลมที่ใช้ต้องงดงามระดับไหน เช่น การทำหน้าที่ของช่างไม้ ใช้ปั้มลูกสูบ อาจจะต้องการแรงลมมากพอเหมาะพอดี อาจจะแตกต่างเรื่องความต่อเนื่องของงานทำให้ เครื่องอัดลมขนาดของถังบรรจุลมที่ใหญ่ สามารถทำงานได้ต่อเนื่อง เครื่องก็จะไม่ต้องทำงานหนักคือเครื่องปั๊มลมทำงานบ่อย เมื่อความดันหรือปริมาณลมลดต่ำลง หรือ จะใช้เครื่องอัดลมกับแอร์บลัช สถานที่การใช้งานมีส่วนสำคัญ เช่น แหล่งท้องที่ บ้านพักอาศัย อาจก่อให้เกิดความเบื่อหน่ายได้ หากต้องเลือก ระหว่าง ปั้มลมสายพาน กับโรตารี่ (Rotary) ปั้มลมสายพานจะเสียงเบากว่าปั้มลม โรตารี่ (Rotary) หากต้องการลมที่มีความสะอาด ใช้เครื่องปั๊มลมแบบ ไดอะเฟรม เพราะลมจะไม่ได้สัมผัสกับโลหะเลย แต่ให้แรงลมน้อย ใช้กับอุดสาหกรรมเคมี อาจมีอาการลมขาดช่วงบ้าง ส่วนปั้มลมแบบสกรูเราจะพบเห็นตามโรงงานเป็นส่วนใหญ่ ให้แรงลมต่อเนื่องและมีความดันตามขนาดของตู้ ฯลฯ

ปั๊มลมหรือเครื่องปั๊มลมแบบลูกสูบ (Piston Air Compressor)
ถือเป็นปั๊มลมที่นิยมใช้งานมากที่สุดด้วยความเหมาะสมต่อการใช้งานและราคาที่ไม่สูงมากนักแถมยังสามารถย้ายได้สะดวกอีกด้วย โดยปั๊มลมขนาดเล็กชนิดนี้สามารถสร้างแรงดันหรือแรงดันลมได้ตั้งแต่ 1 bar ไปจนถึง 1,000 bar เลยทีเดียว โดยแรงอัดจะขึ้นอยู่กับปริมาณขั้นของการอัด ยิ่งขั้นในการอัดมากก็จะสามารถสร้างแรงอัดได้สูงขึ้นตามไปด้วยนั่นเอง สำหรับปั๊มลมหรือเครื่องอัดลมแบบลูกสูบ ยังแบ่งออกเป็นจำพวกย่อยๆได้อีกอย่างเช่น Booster Air Compressor, High Pressure Air Compressor ปั๊มลมแรงดันสูงแต่ให้เสียงที่เงียบ เพราะโดยปกติแล้วปั๊มลมแบบลูกสูบนั้นจะมีจุดอ่อนอย่างหนึ่งคือเสียงดังขณะเครื่องทำงาน

วันพุธที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2558

การเลือกซื้อ เครื่องฉีดน้ำ เครื่องฉีดน้ำ


เครื่องฉีดน้ำแรงดันสูง สิ่งที่เราต้องพิจารณาอย่างแรกคือ การนำไปใช้งาน เนื่องจากเครื่องฉีดน้ำมีด้วย กันหลากหลายยี่ห้อ หลากหลายแรงดัน ตั้งแต่ 70 Bar 90 Bar 100 Bar 110 Bar 120 Bar จนถึง 200 Bar กันเลยทีเดียว นอกจากจะมีหลาก หลายแรงดันแล้ว ยังต้องดูเรื่องจำนวนการให้น้ำว่ากี่ลิตร/ชั่วโมง และประเภทของมอเตอร์ งบประมาณที่เราตั้งเอาไว้ในการที่จะเป็นเครื่องฉีดน้ำแรงดันสูง สักตัว  นอกจากนี้แล้วที่สำคัญที่สุดคือ การรับประกันสินค้า (อันนี้สำคัญมาก)
อย่างที่บอกในข้างต้น ควรใช้ (Pressure) แรงดันเท่าไรดี ?
จากความชำนาญของการขายเครื่องฉีดน้ำแรงดันสูงมาพอสมควร ผม มักจะสรุปได้ดังนี้ คือลูกค้ามักซื้อเครื่องล้างอัดฉีดไปใช้งานไม่ตรงกับ ประเภทการใช้งานจริงๆ เพราะว่า ซื้อเอาเพราะราคาถูก ก็พอ คิดว่าไม่แตกต่างกัน สำหรับเครื่องมือช่างอื่นๆ ผมว่าพอทำได้  แต่เครื่องฉีดน้ำเป็นข้อยกเว้น มันเป็นเครื่องมือที่เกี่ยวข้องกับแรงดัน ทำให้เกิดความเสียหายได้ง่ายถ้าหาก  การผลิต และการ QC มาไม่ดีพอ (ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่า ผู้เขียนไม่มีนโยบายให้ลูกค้าต้องใช้ของแพง)

ผู้ใช้งานเครื่องฉีดน้ำแรงดันสูง ให้พิจารณาดังนี้ ว่าเราต้องการเอาไปชำระล้างอะไร เช่นถ้าหากเอาไป ล้างเครื่องยนต์ ล้างพื้นบ้าน(พื้นที่ไม่ใหญ่มาก) ให้พิจารณาเครื่องล้างรถประมาณ  100-120 Bar ก็พอแล้ว เอาที่มีอัตราการใช้น้ำมากหน่อยลองเปรียบเทียบดู แล้วไปดูว่าประเภทมอเตอร์เป็นระบบใด สำหรับเครื่องฉีดน้ำแรงดันสูงที่ให้แรงดันขนาดนี้จะมีมอเตอร์ให้เลือก 2 รูปแบบด้วยกัน คือ universal Motor (มีแปรงถ่าน) และอีกชนิดคือ ชนิด  Induction Motor
     สำหรับเครื่องล้างรถที่ใช้มอเตอร์ชนิด universal Motor นั้นมีจุดเด่นคือความถูก ข้อบกพร่องคือ จะมีความร้อนสะสมรวดเร็วทำให้ใช้งานต่อเนื่องยาวนานไม่ได้ ใช้ประมาณ 20-25 นาที ต้องพักประมาณ 10-15 นาที และมีเสียงดังมาก ถ้าหากคุณใช้งานตามบ้าน ไม่ได้ใช้งานหนักก็ถือว่าเป็นทางเลือกที่ดี ราคาอยู่ประมาณ 2,xxx - 7,xxx บาท ขึ้นอยู่กับยี่ห้อ และ คุณลักษณะครับ
     สำหรับเครื่องฉีดน้ำแรงดันสูงที่ใช้มอเตอร์ชนิด Induction Motor เป็นมอเตอร์ความเร็วรอบต่ำ  ทำให้ความร้อนสะสมน้อย ทำให้ฉีดต่อเนื่องได้ยาวนาน เสียงเงียบ สำหรับผู้ใช้ตามบ้านที่เป็นห่วงเรื่องเสียงของเครื่องฉีดน้ำ แนะนำให้ใช้เครื่องล้างอัดฉีดที่ใช้มอเตอร์ประเภทนี้ แต่จะต้องแลกมาด้วยค่าตัวของมัน ซึ่งแพงขึ้น มาหน่อย อยู่ราวๆ 6,xxx - 2x,xxxx บาท ขึ้นอยู่กับ ยี่ห้อ แหล่งผลิต วัสดุที่ใช้ในการผลิต และเทคโนโลยี ซึ่งเครื่องฉีดน้ำ ล้างรถในกลุ่มนี้ มีเทคโนโลยีต่างกันมากมาย สำหรับเครื่องฉีดน้ำในกลุ่มนี้
 เพียงเท่านี้ ทุกท่านก็หน้าจะเลือกเครื่องฉีดน้ำได้ตรงกับความประสงค์แล้วนะครับ

วันศุกร์ที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

ปั๊มลมได้รับความนิยมอย่างมากสำหรับงานอุตสาหกรรม


ปั๊มลม หรือ ปั๊มลมขนาดเล็ก มีชื่อภาษาอังกฤษว่า "Air Compressor" ทำงานในการอัดลมให้มีความกดดันสูงตามที่เราต้องการเพื่อนำไปใช้ประโยชน์และประยุคใช้ได้หลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นระบบลมในโรงงานอุตสาหกรรมตั้งแต่ขนาดเล็ก ตลอดจนถึงโรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ ระบบนิวเมติกส์ และอุตสาหกรรมครัวเรือน เช่นร้านซ่อมรถ ซึ่งจะใช้เป็นปั๊มลมจำพวกลูกสูบ (Piston Air Compressor) เพราะใช้แรงดัน (Pressure) ไม่สูงมาก เป็นต้น ส่วนเครื่องอัดอากาศที่ใช้ในโรงงานนั้นส่วนมากแล้วจะใช้เป็นปั๊มลมประเภทสกรู (Screw Air Compressor) ซึ่งจะใช้แรงลมที่มากกว่า เป็นประจำแล้ว ปั๊มลมหรือเครื่องอัดลม คือ เครื่องไม้เครื่องมือบีบอัดอากาศจากบรรยากาศ   เพื่อให้เกิดความดันสูงขึ้น  และสามารถนำไปใช้ในแบบหนึ่งของ”พลังงาน”   อากาศที่ถูกอัดสามารถนำไปใช้งานได้ดีเสมือนหนึ่งในสามทรัพยากรของโรงงาน    ได้แก่ไฟฟ้า , น้ำประปา และ ลมอัด      ด้วยสรรพคุณที่เหมาะสมและหลากหลาย   การใช้งานลมได้รับความนิยมอย่างมากในเครื่องอัดลมของการนำลมใช้เป็นตัวขับเครื่องจักรต่างๆ   เช่น  เครื่องมือ หุ่นยนต์  แบบต่างๆ
ปั้มลม คือ พลังงานใหม่ที่น่าศึกษา ทั้งนี้เพราะมีเครื่องปั๊มลมรองรับมากมาย เช่น ปืนลม สกัดคอนกรีตลม ปากกาลม ไขควงลม สว่านลม AIR DRILLS, ปืนเป่าลม AIR BLOW GUN, เครื่องยิงตะปูลม AIR STRAPLERS/AIR NAILERS ฯลฯ การใช้เครื่องอัดลมจึงเป็นที่นิยม เพราะสามารถใช้กับอุตสาหกรรมได้เป็นแหล่งพลังงานขับเคลื่อน ปั๊มลมขนาดเล็กของเครื่องจักร ปั้มลมของเครื่องอัดลม หรือแม้กระทั้งหุ่นยนต์ ปั๊มลมขนาดเล็กสำหรับงานอุตสาหกรรม เครื่องอัดลมตามอู่ซ่อมรถ ร้านปะยาง ปปั๊มลมขนาดเล็กพ่นสีตามอู่ซ่อมสีรถยนต์ บริการล้างรถ ปั๊มลมสำหรับงานไม้ เฟอนิเจอร์ ตกแต่งภายใน หรือใช้ตามบ้านสำหรับงานอดิเรก พ่นสีโมเดล ใช้ปั๊มลมขนาดเล็กกับแอร์บลัช เพื่องานประกอบโมเดล เครื่องปั๊มลม หรือเครื่องอัดลม เราควรมาดูความต้องการใช้งานปั้มลมให้เหมาะสมกับงาน

แนวทางเลือกซื้อเครื่องปั๊มลม
เราต้องเลือกดูงานที่เราจะใช้ เราต้องการปั๊มลมขนาดเล็กที่แรงดันมากน้อยขนาดไหน จำนวนลมที่ต้องการมาก ความสม่ำเสมอของงาน หรือปริมาณการจ่ายลม ลมที่ใช้ต้องบริสุทธิ์ระดับไหน เช่น การทำการทำงานของช่างไม้ ใช้ปั้มลูกสูบ อาจจะต้องการแรงลมมากพอดี อาจจะแตกต่างเรื่องความต่อเนื่องของงานทำให้ เครื่องปั๊มลมขนาดของถังบรรจุลมที่ใหญ่ สามารถทำงานได้ต่อเนื่อง เครื่องก็จะไม่ต้องทำงานหนักคือเครื่องปั๊มลมทำงานบ่อย เมื่อความดันหรือปริมาณลมลดต่ำลง หรือ จะใช้เครื่องอัดลมกับแอร์บลัช บริเวณการใช้งานมีส่วนสำคัญ เช่น แหล่งท้องถิ่น บ้านพักอาศัย อาจก่อให้เกิดความรำคาญใจได้ หากต้องเลือก ระหว่าง ปั้มลมสายพาน กับโรตารี่ (Rotary) ปั้มลมสายพานจะเสียงเบากว่าปั้มลม โรตารี่ (Rotary) หากต้องการลมที่มีความสะอาด ใช้เครื่องอัดลมแบบ ไดอะเฟรม เพราะลมจะไม่ได้สัมผัสกับโลหะเลย แต่ให้แรงลมน้อย ใช้กับอุดสาหกรรมเคมี อาจมีอาการลมขาดช่วงบ้าง ส่วนปั้มลมแบบสกรูเราจะพบเห็นตามโรงงานเป็นส่วนใหญ่ ให้แรงลมต่อเนื่องและมีความดันตามขนาดของตู้ ฯลฯ

ปั๊มลมหรือเครื่องอัดอากาศแบบลูกสูบ (Piston Air Compressor)
นับว่าเป็นปั๊มลมที่นิยมใช้งานมากที่สุดด้วยความเหมาะสมต่อการใช้งานและราคาที่ไม่สูงมากนักแถมยังสามารถขนส่งได้สะดวกอีกด้วย โดยเครื่องอัดลมชนิดนี้สามารถสร้างแรงดันหรือแรงผลักดันลมได้ตั้งแต่ 1 bar ไปจนถึง 1,000 bar เลยทีเดียว โดยแรงอัดจะขึ้นอยู่กับจำนวนขั้นของการอัด ยิ่งขั้นในการอัดมากก็จะสามารถสร้างแรงอัดได้สูงขึ้นตามไปด้วยนั่นเอง สำหรับปั๊มลมหรือเครื่องอัดลมแบบลูกสูบ ยังแบ่งออกเป็นตระกูลย่อยๆได้อีกอย่างเช่น Booster Air Compressor, High Pressure Air Compressor ปั๊มลมแรงดันสูงแต่ให้เสียงที่เงียบ เพราะโดยปกติแล้วปั๊มลมแบบลูกสูบนั้นจะมีข้อบกพร่องอย่างหนึ่งคือเสียงดังขณะเครื่องทำงาน

ปั๊มน้ำบาดาลทำสวน

ปั๊มน้ำบาดาล(Pump) เป็นเครื่องไม้เครื่องมือที่ช่วยส่งผ่านพลังงานจากแหล่งแหล่งที่มาไปยังของเหลว เพื่อทำให้ของเหลวเคลื่อนจากตำแหน่งหนึ่งไปยังอีกตำแหน่งหนึ่งที่อยู่สูงกว่า หรือในระยะทางที่ไกลออกไป โดยจุดแรกเริ่มของเครื่องปั๊มน้ำนี้มีพงศาวดารที่ยาวนานกว่า 2,000 ปีก่อนคริสตศักราช ซึ่งในช่วงแรกเริ่มมีการใช้พลังงาน ที่ได้จากสามัญชน สัตว์ สืบมาจึงได้ใช้พลังงานจากธรรมชาติ เช่น พลังงานจากลม และน้ำเป็นแหล่งจุดเริ่มต้น ซึ่งในระยะแรกเพียง เพื่อให้การอุปโภคบริโภคและทำสวนเท่านั้น


ปั๊มน้ำ ที่นิยมใช้ในบ้านเป็นส่วนใหญ่เป็นแบบสำเร็จรูป ประกอบด้วย ตัวปั๊มและถังความดัน มีอยู่หลายแบบ เช่น แบบที่เป็นตัวปั๊มยึดอยู่บนถังความดัน และมีฝาครอบที่เรียกว่า ปั๊มน้ำอัตโนมัติ เนื่องแต่ปั๊มน้ำ ราคาถูก ตัวปั๊มจะควบคุมการทำงานด้วนสวิตซ์ความดัน (Pressure Switch) ซึ่งทำงานอัตโนมัติเมื่อมีการเปิดใช้น้ำในบ้าน ความดันในท่อจะลดลงจนถึงค่าที่ตั้งไว้ ปั๊มน้ำจะปฏิบัติการจ่ายน้ำเข้าเส้นท่อเมื่อหยุดหรือปิดอุปกรณ์ความดันจะเพิ่มสูงขึ้นจนถึงค่าที่ตั้งไว้ ปั๊มจะหยุดเครื่องปั๊มน้ำแบบนี้มักมีขนาดเล็ก ๆ จนถึงขนาดกลาง ถ้าเป็นบ้านหรืออาคารขนาดใหญ่ ต้องใช้ชุดเครื่องปั๊มน้ำแบบ Packaged Booster Pump Set ซึ่งจะจ่ายน้ำได้ในปริมาณสูง และเลือกความดันหลายขั้น แบ่งได้ 2 จำพวก คือ
1. ปั๊มน้ำอัตโนมัติ เหมาะสมสำหรับอาคาร ตึกแถว ทาวน์เฮ้าส์ บ้านเดี่ยว มีประเภทเป็นระบบสวิตซ์เปิด-ปิดอัตโนมัติ ประหยัดไฟ มีกำลังส่งไปยังจุดต่าง ๆ
ภายในบ้านได้ดี สามารถต่อกับเครื่องทำน้ำอุ่น เครื่องซักผ้า หรือก๊อกน้ำได้
2. ปั๊มน้ำแรงดันคงที่ พอเหมาะสำหรับอาคารตึกแถว ทาวน์เฮ้าส์ บ้านเดี่ยว เป็นปั๊มอัตโนมัติควบคุมแรงดันคงที่ ให้น้ำต่อเนื่อง เหมาะกับการติดตั้งใช้กับเครื่องทำน้ำอุ่น ที่สำคัญไม่เป็นสนิมตลอดอายุการใช้งาน

ปั๊มน้ำ การเลือกสรรซื้อปั๊มน้ำ
ถ้าเราจะคัดเลือกปั๊มน้ำสักตัวใช้งานให้เหมาะสมกับหัวสปริงเกอร์ที่ใช้งานหรือใช้งานทั่วไปแล้ว แล้วคำนวนราคาปั๊มน้ำตามวิธีจริงๆผมว่าชาวบ้านอย่างเราคงเป็นไปไม่ได้ที่จะเข้าใจและไม่มีทางเข้าใจ ตั้งแต่เห็นสูตรการคำนวนอันแรกแล้ว แต่ถึงเราไม่อยากดูสูตรที่ชวนตาลาย แต่ว่าเราก็จำเป็นต้องรู้ขั้นแรกต่างๆของปั๊มด้วยเช่น หน่วยวัดต่างๆที่ใช้กับปั๊มน้ำ , การดูตารางความสามารถของปั๊มน้ำ , แรงดันสูญเสียภายในท่อ, ไม่งั้นเราจะเป็นไปไม่ได้รู้วิธีการการเลือกได้เลย แบบของเครื่องปั๊มน้ำก็มีอยู่หลากหลายให้เลือก ซึ่งผู้ใช้ก็ต้องคำนึงถึงการใช้งานของตนเอง โดยโดยมากก็แบ่งออกเป็นเครื่องปั๊มน้ำเพื่ออาคารขนาดใหญ่หรือโรงงานอุตสาหกรรม และสำหรับบ้านเรือนทั่วไป ซึ่งตรงนี้จำเป็นจะต้องได้รับข้อเสนอแนะจากผู้ชำนาญก่อนจะตกลงใจซื้อ

ในประจุบันเครื่องปั๊มน้ำจัดเป็นวัสดุอุปกรณ์วัสดุอุปกรณ์อีกชนิดหนึ่งที่มีความเกี่ยวเนื่องกับชีวิตความเป็นอยู่ของคนอย่างมาก เป็นเครื่องใช้ไม้สอย ที่ช่วยจัดส่งน้ำเพื่อการอุปโภค บริโภค การเกษตร คมนาคม อุตสาหกรรม จวบจวนจนการบำบัดน้ำเสีย เพื่อรักษา สภาวะแวดล้อม ที่ดีให้กับมนุษย์ ซึ่งวิวัฒนาการของเครื่องปั๊มน้ำในสมัยปัจจุบันได้เปลี่ยนไปจากเดิม ที่ใช้พลังงานจาก แหล่งธรรมชาติมาเป็น การใช้พลังงานจากไอน้ำ จากเครื่องยนต์ และที่นิยมกันมากคือ การใช้พลังงานไฟฟ้า เหตุเพราะความสบายและง่ายต่อการใช้งานของประเภทงาน

วันพุธที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

ปั๊มน้ำลักษณะต่างๆ และวิธีการเลือกซื้อปั๊มน้ำ ให้เหมาะกับประเภทงาน


"ปั๊มน้ำ" เป็นอีกหนึ่งอุปกรณ์ไฟฟ้าที่มีการจัดจำหน่ายกันมานาน และมีพัฒนาการด้านเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่องเพื่อตอบสนองความสะดวกสบายในชีวิตประจำวันของลูกค้า

ปั๊มน้ำ ส่วนใหญ่มีอยู่ 5 ประเภท ได้แก่ ปั๊มน้ำอัตโนมัติ, ปั๊มน้ำกึ่งอัตโนมัติ, ปั๊มหอยโข่ง ปั๊มน้ำบาดาล และปั๊มจุ่มหรือปั๊มแช่ ซึ่งแต่ละแบบจะมีลักษณะการใช้งานแตกต่างกันออกไป


ปั๊มน้ำอัตโนมัติ ควรสำหรับการใช้ภายในบ้าน คือ เมื่อมีการเปิดก๊อกน้ำ ปั๊มน้ำจะทำงาน พอเลิกใช้ปั๊มน้ำก็หยุดทำงาน ปริมาตรของปั๊มน้ำอัตโนมัติมีตั้งแต่ 100-400 วัตต์ สำหรับ 100–150 วัตต์ เหมาะกับบ้านที่มีผู้อาศัย 2-3 คน และ ขนาด 400 - 700 วัตต์ สำหรับตระกูลใหญ่

ปั๊มจุ่มหรือปั๊มแช่ เหมาะสำหรับการดึงน้ำ เช่น ดึงน้ำท่วมบ้าน ดึงน้ำจากบ่อ ปั๊มจุ่มจะมีให้เลือกหลายขนาด ถ้าต้องการให้ดึงน้ำเร็วต้องใช้ตัวที่วัตต์สูง เช่น 200 -250 วัตต์ แต่ถ้าไม่ประสงค์ดึงน้ำมากๆ ใช้วัตต์น้อยๆ ก็จะประหยัดได้ด้วย ในการใช้งานติดต่อจะใช้ได้แค่ 7 ชั่วโมง ถ้าเกินจากนั้นปั๊มน้ำจะร้อนจัดทำให้มอเตอร์ตัดและใบพัดล็อค เราต้องถอดใบพัดออกมาหมุนกลับเข้าไปใหม่ ก็จะใช้งานได้ตามปกติ

ปั๊มหอยโข่ง เหมาะสำหรับกับการดึงน้ำเก็บใส่ถัง เหมือนที่ใช้ในการเกษตรคือส่งน้ำไปไกลๆ หรือดึงน้ำขึ้นไปบนอาคารสูงๆ เพราะปั๊มหอยโข่งจะมีแรงม้าสูง มี 1 แรงม้า 2 แรงม้า แต่ไม่เป็นระบบอัตโนมัติ ตัวนี้เหมาะกับการใช้งานต่อเนื่องนานๆ

ปั๊มกึ่งอัตโนมัติ จะเหมือนๆ กับปั๊มอัตโนมัติ แต่เราต้องเปิด-ปิดสวิทช์ หรือเสียบปลั๊ก-ถอดปลั๊กใช้งานเอง ซึ่งไม่ค่อยเป็นที่นิยม ลูกค้าส่วนใหญ่จะนิยมแบบอัตโนมัติไปเลย

ปั๊มน้ำบาดาล เป็นปั๊มน้ำที่สูบมาใช้ข้างในครัวเรือนหรือใช้ในการเกษตรกรรม

การเลือกปั๊มน้ำให้เหมาะสมกับงานจะช่วยประหยัดเงิน
การเลือกใช้ปั๊มน้ำนั้น สำหรับเครื่องมือช่างถ้าใช้ในบ้านเราต้องดูจากปริมาณผู้อยู่อาศัยว่าอยู่กันกี่คน เช่น ทาวเฮาส์ 2 ชั้น จะมีแค่ 2-3 ห้องน้ำ เลือกใช้ปั๊มขนาด 100-150 วัตต์ก็พอเพียง หรือถ้าไม่มีเครื่องทำน้ำอุ่น เลือกใช้แค่ 100 วัตต์ เราก็สามารถเปิดน้ำในเวลาเดียวกันได้ 2-3 จุด แต่ถ้าใช้เครื่องทำน้ำอุ่น ควรเพิ่มเป็น 150 วัตต์ เพราะว่าจะช่วยเพิ่มแรงดันน้ำอุ่นหรือเมื่อเราเปิดก๊อกน้ำหลายจุดในเวลาเดียวกัน แล้วถ้าเป็นลูกค้าบ้านเดี่ยวอยากแนะนำให้ใช้ปั๊มขนาด 200–250 วัตต์ เพราะจะเปิดในเวลาเดียวกันได้ถึง 5-6 จุด หรือถ้าติดเครื่องทำน้ำอุ่นถึง 3 ห้องน้ำ ขอชี้ช่องทางให้ใช้แบบ 250 วัตต์ เพราะจะดีตรงที่ช่วยประหยัดไฟฟ้าได้อีกด้วย

อีกอย่างที่ช่วยให้ประหยัดไฟคือการเลือกใช้ฝักบัว ฝักบัวที่น้ำออกมาเป็นฝอยจะช่วยประหยัดน้ำ แต่ถ้าเป็นฝักบัวแบบที่เปิดแล้วน้ำออกมาเป็นสายอย่างนี้จะเปลืองน้ำกว่า ไม่ประหยัดน้ำเพราะน้ำจะไหลออกมาเร็วเกินเลย และกินไฟเพิ่มมากขึ้นเพราะมอเตอร์ปั๊มน้ำจะทำงานต่อเนื่องไม่ตัด ดังนั้นการที่เราเลือกฝักบัวหรือสายฉีดชำระที่มีความละเอียดเวลาน้ำออกมา มอเตอร์จะไม่ทำงานหนักเพราะตัดได้บ่อยไม่ทำงานติดต่อกัน แบบนี้จะดีในการเลือกใช้

การติดตั้งปั๊มน้ำอย่างถูกแบบช่วยประหยัดพลังงาน
ในการติดตั้งปั๊มน้ำ สำหรับเครื่องมือช่างช่างประปา ไม่แนะนำให้ติดตั้งแบบดึงตรง (by pass) แนะนำให้ต่อกับแท็งก์น้ำ (ติดตั้งแท็งก์น้ำเพิ่ม) แล้วให้ปั๊มดึงน้ำจากแท็งก์เข้าบ้านนี้จะช่วยประหยัดไฟกว่าเป็นพิเศษ อีกอย่างคือการติดตั้งแท็งก์น้ำจะช่วยให้น้ำใช้หรือน้ำฝักบัวของเราไม่มีตะกอน เนื่องจากเวลาที่น้ำเข้าแท็งก์ตัวตะกอนจะตกลงก้นแท็งก์ก่อน เวลาใช้ปั๊มดึงก็จะได้น้ำสะอาดออกมา ทีนี้ก็ช่วยประหยัดน้ำ-ประหยัดไฟได้เยอะเลย...

วันจันทร์ที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2558

เสนอแนะเครื่องขัดกระดาษทราย

เครื่องขัดกระดาษทราย เป็นเครื่องอุปกรณ์ช่างที่มีมอเตอร์ไฟฟ้าอยู่ด้านบน มีลูกกลิ้งหรือสายพานเคลื่อนไปได้ทั้งหน้าและหลัง การที่ช่างไม้จะ ทำงานไม้ให้ออกมาเรียบร้อยขึ้นอยู่กับ

หลายเหตุ และการขัดไม้ให้ออกมาเรียบร้อย สวย เนียนก็มีส่วนสำคัญอย่างยิ่ง ดังนั้นการขัดไม้ให้ออกมาเรียบร้อยจึงสำคัญไม่น้อยกว่าการดีไซน์งานไม้เลยก็ว่าได้

เครื่องขัดกระดาษทราย ถือว่าเป็นเครื่องที่ช่วยในงานไม้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เครื่องขัดกระดาษทรายไม่ได้ใช้ในงานขัดไม้ที่ขรุขระให้เรียบอย่างเดียวทั้งหมด ยังใช้กับงานอื่นๆ

ตัวอย่างเช่น เมื่อมีการสร้างชิ้นส่วนของเฟอร์นิเจอร์หรือลักษณะที่เหมือนกัน เช่นบันได แต่งเติมผิวไม้ให้เรียบก็ทำได้เช่นกัน และสามารถใช้กับงานลอกสีสำหรับทาสีใหม่ได้ ขัดรอย

เชื่อมต่อของไฟเบอร์กลาสให้เรียบสำหรับงานซ่อมรถยนต์ เป็นเครื่องขัดสีรถยนต์ได้อีกด้วย เครื่องขัดกระดาษทรายพวกเขาจะใช้โดยทั่วไปเพราะว่าการตกแต่งและขัดพื้นผิวที่ขรุขระ

มาก และทำการขัดพื้นผิวปรับระดับ

วิธีการใช้งานเครื่องขัดกระดาษทราย
ระหว่างใช้งานอย่ากดน้ำหนักลงบนเครื่องขัดกระดาษทราย ให้น้ำหนักของเครื่องทำงาน บางรุ่นนั้นมีตัวกำกับความเร็ว มีคุณค่าสำหรับเครื่องขัดกระดาษทรายมาก ก็เพราะว่าจะช่วย

ให้คุณสามารถควบคุมความเร็วของสายพานขัด เพิ่มความเร็วในการจะช่วยให้ขัดได้อย่างรวดเร็วและกำจัดปัญหาในการควบคุมไปได้ด้วย

การเลือกเครื่องขัดกระดาษทราย
ควรเลือกเครื่องขัดกระดาษทรายสายพานให้เหมาะสมกับงานเครื่องขัดกระดาษทรายขนาดเล็กถึงขนาดกลางมีตั้งแต่ของจีนราคาไม่กี่ร้อย ถึงสินค้ายี่ห้อมาตรฐานราคาหลายๆพัน

เครื่องขัดกระดาษทรายแบบรถถัง หรือที่เรียกว่าเครื่องขัดกระดาษทรายสายพาน เหมาะกับการใช้งานในพื้นที่ค่อนข้างกว้างราคาหลายพันบาททีเดียว บางรุ่นจะมีกระดาษทรายที่แคบ

แต่ยาว แต่บางรุ่นจะเป็นแบบกระดาษทรายกว้างมากก็มี
วัสดุที่อ่อนน่าจะใช้กระดาษทรายที่หยาบกว่าเบอร์ 38-80 จะขัดได้ลึกและเร็วกว่ากระดาษทรายเบอร์ละเอียดเช่นเบอร์ 100 หรือสูงกว่า ตัวอย่างเช่นใช้เบอร์ 36 หรือ 40 ในการขัด

หยาบหรือลอกสี และใช้เบอร์150 ขัดผิวสุดท้ายก่อนทาน้ำมันชักเงา
ในท้องตลาดมีให้เลือกหลากหลายยี่ห้อเช่น เครื่องขัดกระดาษทราย makita ที่นิยมและอีกหลายๆยี่ห้อทั้งเครื่องขัดกระดาษทราย

clinton,Samto,Bosch,Maktec,Okara,Kuani,Shinano เสนอแนะให้ดูตามความสามารถ ฟังก์ชั่นในการใช้งานและการประกัน

สิ่งที่คุณน่าจะทำเมื่อใช้เครื่องขัดกระดาษทราย
1. สวมอุปกรณ์ช่วยป้องกันฝุ่น
2.ให้แน่ใจว่าเครื่องขัดกระดาษทรายปิดแน่นอนก่อนจะเสียบปลั๊กไฟ
3.ปรับความตึงของสายพานขัดเพื่อให้เข้าท่ากับการทำงาน
4.ใช้เครื่องขัดกระดาษทรายในทิศทางที่ถูกต้อง อย่าเปลี่ยนทิศกะทันหัน
5.ให้มือไกลจากสายพานเครื่องขัดกระดาษทราย
6.ใช้มือทั้งสองข้างในการทำงาน จับให้มั่นเหมาะมือ
7.ทำความสะอาดฝุ่นและมอเตอร์หลังจากการใช้งานแล้ว
8.ใส่แว่นตานิรภัยเพื่อคุ้มครองใบหน้าและดวงตา

วันอาทิตย์ที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2558

ปั๊มน้ำชนิดต่างๆ และแนวทางเลือกซื้อปั๊มน้ำ ให้สมควรกับชนิดงาน

"ปั๊มน้ำ" เป็นอีกหนึ่งอุปกรณ์ไฟฟ้าที่มีการซื้อขายแลกเปลี่ยนกันมานาน และมีความเจริญด้านเทคโนโลยีอย่างสม่ำเสมอเพื่อตอบสนองความสะดวกสบายในชีวิตประจำวันของลูกค้า

ปั๊มน้ำ ส่วนใหญ่มีอยู่ 5 ประเภท ได้แก่ ปั๊มน้ำอัตโนมัติ, ปั๊มน้ำกึ่งอัตโนมัติ, ปั๊มหอยโข่ง ปั๊มน้ำบาดาล และปั๊มจุ่มหรือปั๊มแช่ ซึ่งแต่ละประเภทจะมีลักษณะการใช้งานแตกต่างกันออกไป

ปั๊มน้ำอัตโนมัติ ควรสำหรับการใช้ภายในบ้าน คือ เมื่อมีการเปิดก๊อกน้ำ ปั๊มน้ำจะทำงาน พอเลิกใช้ปั๊มน้ำก็หยุดทำงาน ปริมาตรของปั๊มน้ำอัตโนมัติมีตั้งแต่ 100-400 วัตต์ สำหรับ 100–150 วัตต์ เหมาะกับบ้านที่มีผู้อาศัย 2-3 คน และ ขนาด 400 - 700 วัตต์ สำหรับตระกูลใหญ่

ปั๊มจุ่มหรือปั๊มแช่ เหมาะสำหรับการดึงน้ำ เช่น ดึงน้ำท่วมบ้าน ดึงน้ำจากบ่อ ปั๊มจุ่มจะมีให้เลือกหลายขนาด ถ้าพึงประสงค์ให้ดึงน้ำเร็วต้องใช้ตัวที่วัตต์สูง เช่น 200 -250 วัตต์ แต่ถ้าไม่ประสงค์ดึงน้ำมากๆ ใช้วัตต์น้อยๆ ก็จะประหยัดได้ด้วย ในการใช้งานติดต่อกันจะใช้ได้แค่ 7 ชั่วโมง ถ้าเกินจากนั้นปั๊มน้ำจะร้อนจัดทำให้มอเตอร์ตัดและใบพัดล็อค เราต้องถอดใบพัดออกมาหมุนกลับเข้าไปใหม่ ก็จะใช้งานได้ตามปกติ

ปั๊มหอยโข่ง เหมาะสำหรับกับการดึงน้ำเก็บใส่ถัง เหมือนที่ใช้ในการเกษตรคือส่งน้ำไปไกลๆ หรือดึงน้ำขึ้นไปบนอาคารสูงๆ เพราะว่าปั๊มหอยโข่งจะมีแรงม้าสูง มี 1 แรงม้า 2 แรงม้า แต่ไม่เป็นระบบอัตโนมัติ ตัวนี้เหมาะกับการใช้งานติดต่อกันนานๆ

ปั๊มกึ่งอัตโนมัติ จะเหมือนๆ กับปั๊มอัตโนมัติ แต่เราต้องเปิด-ปิดสวิทช์ หรือเสียบปลั๊ก-ถอดปลั๊กใช้งานเอง ซึ่งไม่ค่อยเป็นที่นิยม ลูกค้าส่วนใหญ่จะนิยมแบบอัตโนมัติไปเลย

ปั๊มน้ำบาดาล เป็นปั๊มน้ำที่ดูดมาใช้ข้างในครัวเรือนหรือใช้ในการเกษตรกรรม

การเลือกปั๊มน้ำให้เหมาะสมกับงานจะช่วยประหยัดเงิน
การเลือกใช้ปั๊มน้ำนั้น ถ้าใช้ภายในบ้านเราต้องดูจากปริมาณผู้อยู่อาศัยว่าอยู่กันกี่คน เช่น ทาวเฮาส์ 2 ชั้น จะมีแค่ 2-3 ห้องน้ำ เลือกใช้ปั๊มขนาด 100-150 วัตต์ก็พอเพียง หรือถ้าไม่มีเครื่องทำน้ำอุ่น เลือกใช้แค่ 100 วัตต์ เราก็สามารถเปิดน้ำในเวลาเดียวกันได้ 2-3 จุด แต่ถ้าใช้เครื่องทำน้ำอุ่น ควรเพิ่มเป็น 150 วัตต์ เพราะจะช่วยเพิ่มแรงดันน้ำอุ่นหรือเมื่อเราเปิดก๊อกน้ำหลายจุดในเวลาเดียวกัน แล้วถ้าเป็นลูกค้าบ้านเดี่ยวอยากแนะนำให้ใช้ปั๊มขนาด 200–250 วัตต์ เพราะจะเปิดควบกันได้ถึง 5-6 จุด หรือถ้าติดเครื่องทำน้ำอุ่นถึง 3 ห้องน้ำ ขอชี้ช่องทางให้ใช้แบบ 250 วัตต์ เพราะจะดีตรงที่ช่วยประหยัดไฟฟ้าได้อีกด้วย

อีกอย่างที่ช่วยให้ประหยัดไฟคือการเลือกใช้ฝักบัว ฝักบัวที่น้ำออกมาเป็นฝอยจะช่วยประหยัดน้ำ แต่ถ้าเป็นฝักบัวแบบที่เปิดแล้วน้ำออกมาเป็นสายอย่างนี้จะเปลืองน้ำกว่า ไม่ประหยัดน้ำเพราะน้ำจะไหลออกมาเร็วเกินควร และกินไฟเพิ่มขึ้นเพราะมอเตอร์ปั๊มน้ำจะทำงานติดต่อกันไม่ตัด ดังนั้นการที่เราเลือกฝักบัวหรือสายฉีดชำระที่มีความละเอียดเวลาน้ำออกมา มอเตอร์จะไม่ทำงานหนักเพราะตัดได้บ่อยไม่ทำงานติดต่อกัน แบบนี้จะดีในการเลือกใช้

การติดตั้งปั๊มน้ำอย่างถูกกรรมวิธีช่วยประหยัดพลังงาน
ในการติดตั้งปั๊มน้ำ ไม่แนะนำให้ติดตั้งแบบดึงตรง (by pass) แนะนำให้ต่อกับแท็งก์น้ำ (ติดตั้งแท็งก์น้ำเพิ่ม) แล้วให้ปั๊มดึงน้ำจากแท็งก์เข้าบ้านตรงนี้จะช่วยประหยัดไฟกว่าเป็นพิเศษ อีกอย่างคือการติดตั้งแท็งก์น้ำจะช่วยให้น้ำใช้หรือน้ำฝักบัวของเราไม่มีตะกอน เพราะว่าเวลาที่น้ำเข้าแท็งก์ตัวตะกอนจะตกลงก้นแท็งก์ก่อน เวลาใช้ปั๊มดึงก็จะได้น้ำสะอาดออกมา ต่อนี้ไปก็ช่วยประหยัดน้ำ-ประหยัดไฟได้เยอะเลย...