เครื่องขัดกระดาษทราย เป็นเครื่องอุปกรณ์ช่างที่มีมอเตอร์ไฟฟ้าอยู่ด้านบน มีลูกกลิ้งหรือสายพานเคลื่อนไปได้ทั้งหน้าและหลัง การที่ช่างไม้จะ ทำงานไม้ให้ออกมาเรียบร้อยขึ้นอยู่กับ
หลายเหตุ และการขัดไม้ให้ออกมาเรียบร้อย สวย เนียนก็มีส่วนสำคัญอย่างยิ่ง ดังนั้นการขัดไม้ให้ออกมาเรียบร้อยจึงสำคัญไม่น้อยกว่าการดีไซน์งานไม้เลยก็ว่าได้
เครื่องขัดกระดาษทราย ถือว่าเป็นเครื่องที่ช่วยในงานไม้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เครื่องขัดกระดาษทรายไม่ได้ใช้ในงานขัดไม้ที่ขรุขระให้เรียบอย่างเดียวทั้งหมด ยังใช้กับงานอื่นๆ
ตัวอย่างเช่น เมื่อมีการสร้างชิ้นส่วนของเฟอร์นิเจอร์หรือลักษณะที่เหมือนกัน เช่นบันได แต่งเติมผิวไม้ให้เรียบก็ทำได้เช่นกัน และสามารถใช้กับงานลอกสีสำหรับทาสีใหม่ได้ ขัดรอย
เชื่อมต่อของไฟเบอร์กลาสให้เรียบสำหรับงานซ่อมรถยนต์ เป็นเครื่องขัดสีรถยนต์ได้อีกด้วย เครื่องขัดกระดาษทรายพวกเขาจะใช้โดยทั่วไปเพราะว่าการตกแต่งและขัดพื้นผิวที่ขรุขระ
มาก และทำการขัดพื้นผิวปรับระดับ
วิธีการใช้งานเครื่องขัดกระดาษทราย
ระหว่างใช้งานอย่ากดน้ำหนักลงบนเครื่องขัดกระดาษทราย ให้น้ำหนักของเครื่องทำงาน บางรุ่นนั้นมีตัวกำกับความเร็ว มีคุณค่าสำหรับเครื่องขัดกระดาษทรายมาก ก็เพราะว่าจะช่วย
ให้คุณสามารถควบคุมความเร็วของสายพานขัด เพิ่มความเร็วในการจะช่วยให้ขัดได้อย่างรวดเร็วและกำจัดปัญหาในการควบคุมไปได้ด้วย
การเลือกเครื่องขัดกระดาษทราย
ควรเลือกเครื่องขัดกระดาษทรายสายพานให้เหมาะสมกับงานเครื่องขัดกระดาษทรายขนาดเล็กถึงขนาดกลางมีตั้งแต่ของจีนราคาไม่กี่ร้อย ถึงสินค้ายี่ห้อมาตรฐานราคาหลายๆพัน
เครื่องขัดกระดาษทรายแบบรถถัง หรือที่เรียกว่าเครื่องขัดกระดาษทรายสายพาน เหมาะกับการใช้งานในพื้นที่ค่อนข้างกว้างราคาหลายพันบาททีเดียว บางรุ่นจะมีกระดาษทรายที่แคบ
แต่ยาว แต่บางรุ่นจะเป็นแบบกระดาษทรายกว้างมากก็มี
วัสดุที่อ่อนน่าจะใช้กระดาษทรายที่หยาบกว่าเบอร์ 38-80 จะขัดได้ลึกและเร็วกว่ากระดาษทรายเบอร์ละเอียดเช่นเบอร์ 100 หรือสูงกว่า ตัวอย่างเช่นใช้เบอร์ 36 หรือ 40 ในการขัด
หยาบหรือลอกสี และใช้เบอร์150 ขัดผิวสุดท้ายก่อนทาน้ำมันชักเงา
ในท้องตลาดมีให้เลือกหลากหลายยี่ห้อเช่น เครื่องขัดกระดาษทราย makita ที่นิยมและอีกหลายๆยี่ห้อทั้งเครื่องขัดกระดาษทราย
clinton,Samto,Bosch,Maktec,Okara,Kuani,Shinano เสนอแนะให้ดูตามความสามารถ ฟังก์ชั่นในการใช้งานและการประกัน
สิ่งที่คุณน่าจะทำเมื่อใช้เครื่องขัดกระดาษทราย
1. สวมอุปกรณ์ช่วยป้องกันฝุ่น
2.ให้แน่ใจว่าเครื่องขัดกระดาษทรายปิดแน่นอนก่อนจะเสียบปลั๊กไฟ
3.ปรับความตึงของสายพานขัดเพื่อให้เข้าท่ากับการทำงาน
4.ใช้เครื่องขัดกระดาษทรายในทิศทางที่ถูกต้อง อย่าเปลี่ยนทิศกะทันหัน
5.ให้มือไกลจากสายพานเครื่องขัดกระดาษทราย
6.ใช้มือทั้งสองข้างในการทำงาน จับให้มั่นเหมาะมือ
7.ทำความสะอาดฝุ่นและมอเตอร์หลังจากการใช้งานแล้ว
8.ใส่แว่นตานิรภัยเพื่อคุ้มครองใบหน้าและดวงตา
วันจันทร์ที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2558
วันอาทิตย์ที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2558
ปั๊มน้ำชนิดต่างๆ และแนวทางเลือกซื้อปั๊มน้ำ ให้สมควรกับชนิดงาน
"ปั๊มน้ำ" เป็นอีกหนึ่งอุปกรณ์ไฟฟ้าที่มีการซื้อขายแลกเปลี่ยนกันมานาน และมีความเจริญด้านเทคโนโลยีอย่างสม่ำเสมอเพื่อตอบสนองความสะดวกสบายในชีวิตประจำวันของลูกค้า
ปั๊มน้ำ ส่วนใหญ่มีอยู่ 5 ประเภท ได้แก่ ปั๊มน้ำอัตโนมัติ, ปั๊มน้ำกึ่งอัตโนมัติ, ปั๊มหอยโข่ง ปั๊มน้ำบาดาล และปั๊มจุ่มหรือปั๊มแช่ ซึ่งแต่ละประเภทจะมีลักษณะการใช้งานแตกต่างกันออกไป
ปั๊มน้ำอัตโนมัติ ควรสำหรับการใช้ภายในบ้าน คือ เมื่อมีการเปิดก๊อกน้ำ ปั๊มน้ำจะทำงาน พอเลิกใช้ปั๊มน้ำก็หยุดทำงาน ปริมาตรของปั๊มน้ำอัตโนมัติมีตั้งแต่ 100-400 วัตต์ สำหรับ 100–150 วัตต์ เหมาะกับบ้านที่มีผู้อาศัย 2-3 คน และ ขนาด 400 - 700 วัตต์ สำหรับตระกูลใหญ่
ปั๊มจุ่มหรือปั๊มแช่ เหมาะสำหรับการดึงน้ำ เช่น ดึงน้ำท่วมบ้าน ดึงน้ำจากบ่อ ปั๊มจุ่มจะมีให้เลือกหลายขนาด ถ้าพึงประสงค์ให้ดึงน้ำเร็วต้องใช้ตัวที่วัตต์สูง เช่น 200 -250 วัตต์ แต่ถ้าไม่ประสงค์ดึงน้ำมากๆ ใช้วัตต์น้อยๆ ก็จะประหยัดได้ด้วย ในการใช้งานติดต่อกันจะใช้ได้แค่ 7 ชั่วโมง ถ้าเกินจากนั้นปั๊มน้ำจะร้อนจัดทำให้มอเตอร์ตัดและใบพัดล็อค เราต้องถอดใบพัดออกมาหมุนกลับเข้าไปใหม่ ก็จะใช้งานได้ตามปกติ
ปั๊มหอยโข่ง เหมาะสำหรับกับการดึงน้ำเก็บใส่ถัง เหมือนที่ใช้ในการเกษตรคือส่งน้ำไปไกลๆ หรือดึงน้ำขึ้นไปบนอาคารสูงๆ เพราะว่าปั๊มหอยโข่งจะมีแรงม้าสูง มี 1 แรงม้า 2 แรงม้า แต่ไม่เป็นระบบอัตโนมัติ ตัวนี้เหมาะกับการใช้งานติดต่อกันนานๆ
ปั๊มกึ่งอัตโนมัติ จะเหมือนๆ กับปั๊มอัตโนมัติ แต่เราต้องเปิด-ปิดสวิทช์ หรือเสียบปลั๊ก-ถอดปลั๊กใช้งานเอง ซึ่งไม่ค่อยเป็นที่นิยม ลูกค้าส่วนใหญ่จะนิยมแบบอัตโนมัติไปเลย
ปั๊มน้ำบาดาล เป็นปั๊มน้ำที่ดูดมาใช้ข้างในครัวเรือนหรือใช้ในการเกษตรกรรม
การเลือกปั๊มน้ำให้เหมาะสมกับงานจะช่วยประหยัดเงิน
การเลือกใช้ปั๊มน้ำนั้น ถ้าใช้ภายในบ้านเราต้องดูจากปริมาณผู้อยู่อาศัยว่าอยู่กันกี่คน เช่น ทาวเฮาส์ 2 ชั้น จะมีแค่ 2-3 ห้องน้ำ เลือกใช้ปั๊มขนาด 100-150 วัตต์ก็พอเพียง หรือถ้าไม่มีเครื่องทำน้ำอุ่น เลือกใช้แค่ 100 วัตต์ เราก็สามารถเปิดน้ำในเวลาเดียวกันได้ 2-3 จุด แต่ถ้าใช้เครื่องทำน้ำอุ่น ควรเพิ่มเป็น 150 วัตต์ เพราะจะช่วยเพิ่มแรงดันน้ำอุ่นหรือเมื่อเราเปิดก๊อกน้ำหลายจุดในเวลาเดียวกัน แล้วถ้าเป็นลูกค้าบ้านเดี่ยวอยากแนะนำให้ใช้ปั๊มขนาด 200–250 วัตต์ เพราะจะเปิดควบกันได้ถึง 5-6 จุด หรือถ้าติดเครื่องทำน้ำอุ่นถึง 3 ห้องน้ำ ขอชี้ช่องทางให้ใช้แบบ 250 วัตต์ เพราะจะดีตรงที่ช่วยประหยัดไฟฟ้าได้อีกด้วย
อีกอย่างที่ช่วยให้ประหยัดไฟคือการเลือกใช้ฝักบัว ฝักบัวที่น้ำออกมาเป็นฝอยจะช่วยประหยัดน้ำ แต่ถ้าเป็นฝักบัวแบบที่เปิดแล้วน้ำออกมาเป็นสายอย่างนี้จะเปลืองน้ำกว่า ไม่ประหยัดน้ำเพราะน้ำจะไหลออกมาเร็วเกินควร และกินไฟเพิ่มขึ้นเพราะมอเตอร์ปั๊มน้ำจะทำงานติดต่อกันไม่ตัด ดังนั้นการที่เราเลือกฝักบัวหรือสายฉีดชำระที่มีความละเอียดเวลาน้ำออกมา มอเตอร์จะไม่ทำงานหนักเพราะตัดได้บ่อยไม่ทำงานติดต่อกัน แบบนี้จะดีในการเลือกใช้
การติดตั้งปั๊มน้ำอย่างถูกกรรมวิธีช่วยประหยัดพลังงาน
ในการติดตั้งปั๊มน้ำ ไม่แนะนำให้ติดตั้งแบบดึงตรง (by pass) แนะนำให้ต่อกับแท็งก์น้ำ (ติดตั้งแท็งก์น้ำเพิ่ม) แล้วให้ปั๊มดึงน้ำจากแท็งก์เข้าบ้านตรงนี้จะช่วยประหยัดไฟกว่าเป็นพิเศษ อีกอย่างคือการติดตั้งแท็งก์น้ำจะช่วยให้น้ำใช้หรือน้ำฝักบัวของเราไม่มีตะกอน เพราะว่าเวลาที่น้ำเข้าแท็งก์ตัวตะกอนจะตกลงก้นแท็งก์ก่อน เวลาใช้ปั๊มดึงก็จะได้น้ำสะอาดออกมา ต่อนี้ไปก็ช่วยประหยัดน้ำ-ประหยัดไฟได้เยอะเลย...
ปั๊มน้ำ ส่วนใหญ่มีอยู่ 5 ประเภท ได้แก่ ปั๊มน้ำอัตโนมัติ, ปั๊มน้ำกึ่งอัตโนมัติ, ปั๊มหอยโข่ง ปั๊มน้ำบาดาล และปั๊มจุ่มหรือปั๊มแช่ ซึ่งแต่ละประเภทจะมีลักษณะการใช้งานแตกต่างกันออกไป
ปั๊มน้ำอัตโนมัติ ควรสำหรับการใช้ภายในบ้าน คือ เมื่อมีการเปิดก๊อกน้ำ ปั๊มน้ำจะทำงาน พอเลิกใช้ปั๊มน้ำก็หยุดทำงาน ปริมาตรของปั๊มน้ำอัตโนมัติมีตั้งแต่ 100-400 วัตต์ สำหรับ 100–150 วัตต์ เหมาะกับบ้านที่มีผู้อาศัย 2-3 คน และ ขนาด 400 - 700 วัตต์ สำหรับตระกูลใหญ่
ปั๊มจุ่มหรือปั๊มแช่ เหมาะสำหรับการดึงน้ำ เช่น ดึงน้ำท่วมบ้าน ดึงน้ำจากบ่อ ปั๊มจุ่มจะมีให้เลือกหลายขนาด ถ้าพึงประสงค์ให้ดึงน้ำเร็วต้องใช้ตัวที่วัตต์สูง เช่น 200 -250 วัตต์ แต่ถ้าไม่ประสงค์ดึงน้ำมากๆ ใช้วัตต์น้อยๆ ก็จะประหยัดได้ด้วย ในการใช้งานติดต่อกันจะใช้ได้แค่ 7 ชั่วโมง ถ้าเกินจากนั้นปั๊มน้ำจะร้อนจัดทำให้มอเตอร์ตัดและใบพัดล็อค เราต้องถอดใบพัดออกมาหมุนกลับเข้าไปใหม่ ก็จะใช้งานได้ตามปกติ
ปั๊มหอยโข่ง เหมาะสำหรับกับการดึงน้ำเก็บใส่ถัง เหมือนที่ใช้ในการเกษตรคือส่งน้ำไปไกลๆ หรือดึงน้ำขึ้นไปบนอาคารสูงๆ เพราะว่าปั๊มหอยโข่งจะมีแรงม้าสูง มี 1 แรงม้า 2 แรงม้า แต่ไม่เป็นระบบอัตโนมัติ ตัวนี้เหมาะกับการใช้งานติดต่อกันนานๆ
ปั๊มกึ่งอัตโนมัติ จะเหมือนๆ กับปั๊มอัตโนมัติ แต่เราต้องเปิด-ปิดสวิทช์ หรือเสียบปลั๊ก-ถอดปลั๊กใช้งานเอง ซึ่งไม่ค่อยเป็นที่นิยม ลูกค้าส่วนใหญ่จะนิยมแบบอัตโนมัติไปเลย
ปั๊มน้ำบาดาล เป็นปั๊มน้ำที่ดูดมาใช้ข้างในครัวเรือนหรือใช้ในการเกษตรกรรม
การเลือกปั๊มน้ำให้เหมาะสมกับงานจะช่วยประหยัดเงิน
การเลือกใช้ปั๊มน้ำนั้น ถ้าใช้ภายในบ้านเราต้องดูจากปริมาณผู้อยู่อาศัยว่าอยู่กันกี่คน เช่น ทาวเฮาส์ 2 ชั้น จะมีแค่ 2-3 ห้องน้ำ เลือกใช้ปั๊มขนาด 100-150 วัตต์ก็พอเพียง หรือถ้าไม่มีเครื่องทำน้ำอุ่น เลือกใช้แค่ 100 วัตต์ เราก็สามารถเปิดน้ำในเวลาเดียวกันได้ 2-3 จุด แต่ถ้าใช้เครื่องทำน้ำอุ่น ควรเพิ่มเป็น 150 วัตต์ เพราะจะช่วยเพิ่มแรงดันน้ำอุ่นหรือเมื่อเราเปิดก๊อกน้ำหลายจุดในเวลาเดียวกัน แล้วถ้าเป็นลูกค้าบ้านเดี่ยวอยากแนะนำให้ใช้ปั๊มขนาด 200–250 วัตต์ เพราะจะเปิดควบกันได้ถึง 5-6 จุด หรือถ้าติดเครื่องทำน้ำอุ่นถึง 3 ห้องน้ำ ขอชี้ช่องทางให้ใช้แบบ 250 วัตต์ เพราะจะดีตรงที่ช่วยประหยัดไฟฟ้าได้อีกด้วย
อีกอย่างที่ช่วยให้ประหยัดไฟคือการเลือกใช้ฝักบัว ฝักบัวที่น้ำออกมาเป็นฝอยจะช่วยประหยัดน้ำ แต่ถ้าเป็นฝักบัวแบบที่เปิดแล้วน้ำออกมาเป็นสายอย่างนี้จะเปลืองน้ำกว่า ไม่ประหยัดน้ำเพราะน้ำจะไหลออกมาเร็วเกินควร และกินไฟเพิ่มขึ้นเพราะมอเตอร์ปั๊มน้ำจะทำงานติดต่อกันไม่ตัด ดังนั้นการที่เราเลือกฝักบัวหรือสายฉีดชำระที่มีความละเอียดเวลาน้ำออกมา มอเตอร์จะไม่ทำงานหนักเพราะตัดได้บ่อยไม่ทำงานติดต่อกัน แบบนี้จะดีในการเลือกใช้
การติดตั้งปั๊มน้ำอย่างถูกกรรมวิธีช่วยประหยัดพลังงาน
ในการติดตั้งปั๊มน้ำ ไม่แนะนำให้ติดตั้งแบบดึงตรง (by pass) แนะนำให้ต่อกับแท็งก์น้ำ (ติดตั้งแท็งก์น้ำเพิ่ม) แล้วให้ปั๊มดึงน้ำจากแท็งก์เข้าบ้านตรงนี้จะช่วยประหยัดไฟกว่าเป็นพิเศษ อีกอย่างคือการติดตั้งแท็งก์น้ำจะช่วยให้น้ำใช้หรือน้ำฝักบัวของเราไม่มีตะกอน เพราะว่าเวลาที่น้ำเข้าแท็งก์ตัวตะกอนจะตกลงก้นแท็งก์ก่อน เวลาใช้ปั๊มดึงก็จะได้น้ำสะอาดออกมา ต่อนี้ไปก็ช่วยประหยัดน้ำ-ประหยัดไฟได้เยอะเลย...
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)