สว่านไฟฟ้า เป็น อุปกรณ์ช่างไม้ที่ช่างขาดไม่ได้
สว่าน คือเครื่องมือช่างไฟฟ้าชนิดหนึ่ง ใช้สำหรับเจาะรูบนวัสดุหลายประเภท เป็นเครื่องมืองช่างที่ใช้เสมอในงานไม้และงานโลหะ ประกอบด้วยส่วนสำคัญคือดอกสว่านที่หมุนได้
ดอกสว่านจับอยู่กับเดือยด้านหนึ่งของสว่าน และถูกกดลงไปบนอุปกรณ์ที่ต้องการจากนั้นจึงถูกทำให้หมุน ปลายดอกสว่านจะทำงานเป็นตัวตัดเจาะวัสดุ กำจัดเศษวัสดุระหว่างการเจาะ (เช่น ขี้เลื่อย) หรือทำงานเป็นตัวสูบอนุภาคเล็กๆ (เช่นการเจาะน้ำมัน)
สว่านไฟฟ้า มีรูปร่าง คล้ายปืน มีด้ามจับในแบบเดียวกันกับปืน ส่วนด้านปลายแหลมนั้นจะมีแบบคล้ายไม้ตะเกียบกลมๆ เรียกว่าดอกสว่าน โดยดอกสว่านนั้นจะเป็นแท่งยาวๆ แท่งนั้น จะมีรูปร่างเป็นเกลียว ปลายแหลมคล้ายดินสอ ซึ่งดอกสว่านจะมีหลากหลายสัดส่วน แต่ละขนาดก็เหมาะสมกับการใช้งานแต่ละอย่าง(ซึ่งผมจะมาแนะนำการใช้งานอีกครั้ง) มีสายไฟสำหรับรับกระแสไฟฟ้าในการใช้งาน ส่วนตัวจับนั้น จะมีรูปร่างเป็นปุ่มคล้ายปืนฉีดน้ำ เอาไว้บังคับหรือกดให้อุปกรณ์ช่างทำงานได้นั่นเอง
สว่านไฟฟ้า และข้อพึงระวังในการใช้งาน
การใช้งานสว่านไฟฟ้านั้น ก่อนการใช้งานควรจะตรวจให้แน่ใจว่าสว่านไฟฟ้าอยู่ในสภาพที่ใช้งานได้ เวลาจะใช้งานควรจะต้องเตรียมอุปกรณ์ช่างไม้ป้องกันให้พร้อม ไม่ว่าจะเป็นแว่นตาป้องกัน และชุดป้องกันอันตราย เมื่อใช้งานเสร็จเรียบร้อย ควรทำความสะอาด และมีการตรวจตราสว่านไฟฟ้าให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์ แล้วเก็บรักษาไว้ในกล่องอุปกรณ์การช่างไว้ให้มิดชิด
อุปสรรคที่มักจะพบบ่อยๆของสว่านไฟฟ้า
ส่วนใหญ่สว่านไฟฟ้ายี่ห้อดีๆหน่อยมักจะไม่ค่อยมีปัญหาเท่าไหร่ ปัญหาที่พบส่วนมากมักเป็นยี่ห้อเกรดรองๆลงมา ปัญหาที่พบมักจะเป็นเรื่อง มอเตอร์ไหม้ เพราะว่าใช้งานไม่ถูกแบบ ทุ่นสึก หรือ ปัญหาแปรงถ่านหมด ถ้าเป็นยี่ห้อ เกณฑ์การหาร้านซ่อมไม่ใช่เรื่องยาก
เทคนิคการใช้สว่าน
- ก่อนที่จะเจาะทุกครั้งควรใช้เหล็กตอกนำศูนย์ตรงจุดที่ต้องการเจาะ เพื่อให้ดอกสว่านลงถูกตำแหน่ง
- ควรจับเครื่องเจาะให้กระชับและตรงจุดที่เจาะ
- การเจาะต้องออกแรงกดให้สัมพันธ์กับการหมุน เพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้
- ในการเจาะชิ้นงานให้ทะลุทุกแบบจะต้องมีวัสดุรองรับชิ้นงานเสมอ
- ควรเลือกใช้ดอกสว่านให้สมควรกับขนาดของชิ้นงาน
- ไม่ควรใช้ดอกสว่านผิดหมวด เช่น ดอกสว่านเจาะคอนกรีตไม่ควรนำไปเจาะเหล็ก เป็นต้น
การจัดเก็บและบำรุงรักษา
- ตรวจสอบซ่อมแซมสว่านให้มีสภาพการใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ทำความสะอาดหลังการใช้งานทุกครั้ง
- เมื่อจะนำไปเก็บให้ชโลมนำมันเครื่องใสทุกครั้ง
วันอังคารที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2558
วันศุกร์ที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2558
โรงงานอุตสาหกรรมเลือกใช้ปั๊มลมแบบไหน
ปั๊มลม หรือ ปั๊มลมขนาดเล็ก มีชื่อภาษาอังกฤษว่า "Air Compressor" ดำเนินการในการอัดลมให้มีแรงกดดันสูงตามที่เราต้องการเพื่อนำไปใช้ประโยชน์และประยุคใช้ได้หลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นระบบลมในโรงงานอุตสาหกรรมตั้งแต่ขนาดเล็ก ตลอดจนถึงโรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ ระบบนิวเมติกส์ และอุตสาหกรรมครัวเรือน เช่นร้านซ่อมรถ ซึ่งจะใช้เป็นปั๊มลมตระกูลลูกสูบ (Piston Air Compressor) เพราะใช้แรงดัน (Pressure) ไม่สูงมาก เป็นต้น ส่วนเครื่องปั๊มลมที่ใช้ในโรงงานนั้นส่วนมากแล้วจะใช้เป็นปั๊มลมลักษณะสกรู (Screw Air Compressor) ซึ่งจะใช้แรงลมที่มากกว่า ปกติแล้ว ปั๊มลมหรือปั๊มลมขนาดเล็ก คือ วัตถุบีบอัดอากาศจากบรรยากาศ เพื่อให้เกิดแรงดันสูงขึ้น และสามารถนำไปใช้ในแบบหนึ่งของ”พลังงาน” อากาศที่ถูกอัดสามารถนำไปใช้งานได้ดีเสมือนหนึ่งในสามทรัพยากรของโรงงาน ได้แก่ไฟฟ้า , น้ำประปา และ ลมอัด ด้วยคุณลักษณะที่เหมาะสมและหลากหลาย การใช้งานลมได้รับความนิยมอย่างมากในเครื่องปั๊มลมของการนำลมใช้เป็นตัวขับเครื่องจักรต่างๆ เช่น เครื่องมือ หุ่นยนต์ จำพวกต่างๆ
ปั้มลม คือ พลังงานใหม่ที่น่าศึกษา เนื่องแต่มีเครื่องปั๊มลมรองรับมากมาย เช่น ปืนลม สกัดคอนกรีตลม ปากกาลม ไขควงลม สว่านลม AIR DRILLS, ปืนเป่าลม AIR BLOW GUN, เครื่องยิงตะปูลม AIR STRAPLERS/AIR NAILERS ฯลฯ การใช้ปั๊มลมขนาดเล็กจึงเป็นที่นิยม เพราะสามารถใช้กับอุตสาหกรรมได้เป็นแหล่งพลังงานขับเคลื่อน เครื่องปั๊มลมของเครื่องกล ปั้มลมของเครื่องอัดอากาศ หรือแม้กระทั้งหุ่นยนต์ เครื่องปั๊มลมสำหรับงานอุตสาหกรรม เครื่องปั๊มลมตามอู่ซ่อมรถ ร้านปะยาง ปเครื่องอัดลมพ่นสีตามอู่ซ่อมสีรถยนต์ บริการล้างรถ เครื่องอัดลมสำหรับงานไม้ เฟอนิเจอร์ ตกแต่งภายใน หรือใช้ตามบ้านสำหรับงานอดิเรก พ่นสีโมเดล ใช้เครื่องอัดลมกับแอร์บลัช เพื่องานประกอบโมเดล เครื่องอัดอากาศ หรือเครื่องอัดลม เราควรมาดูความต้องการใช้งานปั้มลมให้เหมาะสมกับงาน
ขั้นตอนเลือกซื้อเครื่องอัดลม
เราต้องเลือกดูงานที่เราจะใช้ เราต้องการปั๊มลมขนาดเล็กที่แรงดันมากน้อยขนาดไหน ปริมาณลมที่ต้องการมาก ความต่อเนื่องของงาน หรือปริมาณการจ่ายลม ลมที่ใช้ต้องงดงามระดับไหน เช่น การทำหน้าที่ของช่างไม้ ใช้ปั้มลูกสูบ อาจจะต้องการแรงลมมากพอเหมาะพอดี อาจจะแตกต่างเรื่องความต่อเนื่องของงานทำให้ เครื่องอัดลมขนาดของถังบรรจุลมที่ใหญ่ สามารถทำงานได้ต่อเนื่อง เครื่องก็จะไม่ต้องทำงานหนักคือเครื่องปั๊มลมทำงานบ่อย เมื่อความดันหรือปริมาณลมลดต่ำลง หรือ จะใช้เครื่องอัดลมกับแอร์บลัช สถานที่การใช้งานมีส่วนสำคัญ เช่น แหล่งท้องที่ บ้านพักอาศัย อาจก่อให้เกิดความเบื่อหน่ายได้ หากต้องเลือก ระหว่าง ปั้มลมสายพาน กับโรตารี่ (Rotary) ปั้มลมสายพานจะเสียงเบากว่าปั้มลม โรตารี่ (Rotary) หากต้องการลมที่มีความสะอาด ใช้เครื่องปั๊มลมแบบ ไดอะเฟรม เพราะลมจะไม่ได้สัมผัสกับโลหะเลย แต่ให้แรงลมน้อย ใช้กับอุดสาหกรรมเคมี อาจมีอาการลมขาดช่วงบ้าง ส่วนปั้มลมแบบสกรูเราจะพบเห็นตามโรงงานเป็นส่วนใหญ่ ให้แรงลมต่อเนื่องและมีความดันตามขนาดของตู้ ฯลฯ
ปั๊มลมหรือเครื่องปั๊มลมแบบลูกสูบ (Piston Air Compressor)
ถือเป็นปั๊มลมที่นิยมใช้งานมากที่สุดด้วยความเหมาะสมต่อการใช้งานและราคาที่ไม่สูงมากนักแถมยังสามารถย้ายได้สะดวกอีกด้วย โดยปั๊มลมขนาดเล็กชนิดนี้สามารถสร้างแรงดันหรือแรงดันลมได้ตั้งแต่ 1 bar ไปจนถึง 1,000 bar เลยทีเดียว โดยแรงอัดจะขึ้นอยู่กับปริมาณขั้นของการอัด ยิ่งขั้นในการอัดมากก็จะสามารถสร้างแรงอัดได้สูงขึ้นตามไปด้วยนั่นเอง สำหรับปั๊มลมหรือเครื่องอัดลมแบบลูกสูบ ยังแบ่งออกเป็นจำพวกย่อยๆได้อีกอย่างเช่น Booster Air Compressor, High Pressure Air Compressor ปั๊มลมแรงดันสูงแต่ให้เสียงที่เงียบ เพราะโดยปกติแล้วปั๊มลมแบบลูกสูบนั้นจะมีจุดอ่อนอย่างหนึ่งคือเสียงดังขณะเครื่องทำงาน
ปั้มลม คือ พลังงานใหม่ที่น่าศึกษา เนื่องแต่มีเครื่องปั๊มลมรองรับมากมาย เช่น ปืนลม สกัดคอนกรีตลม ปากกาลม ไขควงลม สว่านลม AIR DRILLS, ปืนเป่าลม AIR BLOW GUN, เครื่องยิงตะปูลม AIR STRAPLERS/AIR NAILERS ฯลฯ การใช้ปั๊มลมขนาดเล็กจึงเป็นที่นิยม เพราะสามารถใช้กับอุตสาหกรรมได้เป็นแหล่งพลังงานขับเคลื่อน เครื่องปั๊มลมของเครื่องกล ปั้มลมของเครื่องอัดอากาศ หรือแม้กระทั้งหุ่นยนต์ เครื่องปั๊มลมสำหรับงานอุตสาหกรรม เครื่องปั๊มลมตามอู่ซ่อมรถ ร้านปะยาง ปเครื่องอัดลมพ่นสีตามอู่ซ่อมสีรถยนต์ บริการล้างรถ เครื่องอัดลมสำหรับงานไม้ เฟอนิเจอร์ ตกแต่งภายใน หรือใช้ตามบ้านสำหรับงานอดิเรก พ่นสีโมเดล ใช้เครื่องอัดลมกับแอร์บลัช เพื่องานประกอบโมเดล เครื่องอัดอากาศ หรือเครื่องอัดลม เราควรมาดูความต้องการใช้งานปั้มลมให้เหมาะสมกับงาน
ขั้นตอนเลือกซื้อเครื่องอัดลม
เราต้องเลือกดูงานที่เราจะใช้ เราต้องการปั๊มลมขนาดเล็กที่แรงดันมากน้อยขนาดไหน ปริมาณลมที่ต้องการมาก ความต่อเนื่องของงาน หรือปริมาณการจ่ายลม ลมที่ใช้ต้องงดงามระดับไหน เช่น การทำหน้าที่ของช่างไม้ ใช้ปั้มลูกสูบ อาจจะต้องการแรงลมมากพอเหมาะพอดี อาจจะแตกต่างเรื่องความต่อเนื่องของงานทำให้ เครื่องอัดลมขนาดของถังบรรจุลมที่ใหญ่ สามารถทำงานได้ต่อเนื่อง เครื่องก็จะไม่ต้องทำงานหนักคือเครื่องปั๊มลมทำงานบ่อย เมื่อความดันหรือปริมาณลมลดต่ำลง หรือ จะใช้เครื่องอัดลมกับแอร์บลัช สถานที่การใช้งานมีส่วนสำคัญ เช่น แหล่งท้องที่ บ้านพักอาศัย อาจก่อให้เกิดความเบื่อหน่ายได้ หากต้องเลือก ระหว่าง ปั้มลมสายพาน กับโรตารี่ (Rotary) ปั้มลมสายพานจะเสียงเบากว่าปั้มลม โรตารี่ (Rotary) หากต้องการลมที่มีความสะอาด ใช้เครื่องปั๊มลมแบบ ไดอะเฟรม เพราะลมจะไม่ได้สัมผัสกับโลหะเลย แต่ให้แรงลมน้อย ใช้กับอุดสาหกรรมเคมี อาจมีอาการลมขาดช่วงบ้าง ส่วนปั้มลมแบบสกรูเราจะพบเห็นตามโรงงานเป็นส่วนใหญ่ ให้แรงลมต่อเนื่องและมีความดันตามขนาดของตู้ ฯลฯ
ปั๊มลมหรือเครื่องปั๊มลมแบบลูกสูบ (Piston Air Compressor)
ถือเป็นปั๊มลมที่นิยมใช้งานมากที่สุดด้วยความเหมาะสมต่อการใช้งานและราคาที่ไม่สูงมากนักแถมยังสามารถย้ายได้สะดวกอีกด้วย โดยปั๊มลมขนาดเล็กชนิดนี้สามารถสร้างแรงดันหรือแรงดันลมได้ตั้งแต่ 1 bar ไปจนถึง 1,000 bar เลยทีเดียว โดยแรงอัดจะขึ้นอยู่กับปริมาณขั้นของการอัด ยิ่งขั้นในการอัดมากก็จะสามารถสร้างแรงอัดได้สูงขึ้นตามไปด้วยนั่นเอง สำหรับปั๊มลมหรือเครื่องอัดลมแบบลูกสูบ ยังแบ่งออกเป็นจำพวกย่อยๆได้อีกอย่างเช่น Booster Air Compressor, High Pressure Air Compressor ปั๊มลมแรงดันสูงแต่ให้เสียงที่เงียบ เพราะโดยปกติแล้วปั๊มลมแบบลูกสูบนั้นจะมีจุดอ่อนอย่างหนึ่งคือเสียงดังขณะเครื่องทำงาน
วันพุธที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2558
การเลือกซื้อ เครื่องฉีดน้ำ เครื่องฉีดน้ำ
เครื่องฉีดน้ำแรงดันสูง สิ่งที่เราต้องพิจารณาอย่างแรกคือ การนำไปใช้งาน เนื่องจากเครื่องฉีดน้ำมีด้วย กันหลากหลายยี่ห้อ หลากหลายแรงดัน ตั้งแต่ 70 Bar 90 Bar 100 Bar 110 Bar 120 Bar จนถึง 200 Bar กันเลยทีเดียว นอกจากจะมีหลาก หลายแรงดันแล้ว ยังต้องดูเรื่องจำนวนการให้น้ำว่ากี่ลิตร/ชั่วโมง และประเภทของมอเตอร์ งบประมาณที่เราตั้งเอาไว้ในการที่จะเป็นเครื่องฉีดน้ำแรงดันสูง สักตัว นอกจากนี้แล้วที่สำคัญที่สุดคือ การรับประกันสินค้า (อันนี้สำคัญมาก)
อย่างที่บอกในข้างต้น ควรใช้ (Pressure) แรงดันเท่าไรดี ?
จากความชำนาญของการขายเครื่องฉีดน้ำแรงดันสูงมาพอสมควร ผม มักจะสรุปได้ดังนี้ คือลูกค้ามักซื้อเครื่องล้างอัดฉีดไปใช้งานไม่ตรงกับ ประเภทการใช้งานจริงๆ เพราะว่า ซื้อเอาเพราะราคาถูก ก็พอ คิดว่าไม่แตกต่างกัน สำหรับเครื่องมือช่างอื่นๆ ผมว่าพอทำได้ แต่เครื่องฉีดน้ำเป็นข้อยกเว้น มันเป็นเครื่องมือที่เกี่ยวข้องกับแรงดัน ทำให้เกิดความเสียหายได้ง่ายถ้าหาก การผลิต และการ QC มาไม่ดีพอ (ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่า ผู้เขียนไม่มีนโยบายให้ลูกค้าต้องใช้ของแพง)
ผู้ใช้งานเครื่องฉีดน้ำแรงดันสูง ให้พิจารณาดังนี้ ว่าเราต้องการเอาไปชำระล้างอะไร เช่นถ้าหากเอาไป ล้างเครื่องยนต์ ล้างพื้นบ้าน(พื้นที่ไม่ใหญ่มาก) ให้พิจารณาเครื่องล้างรถประมาณ 100-120 Bar ก็พอแล้ว เอาที่มีอัตราการใช้น้ำมากหน่อยลองเปรียบเทียบดู แล้วไปดูว่าประเภทมอเตอร์เป็นระบบใด สำหรับเครื่องฉีดน้ำแรงดันสูงที่ให้แรงดันขนาดนี้จะมีมอเตอร์ให้เลือก 2 รูปแบบด้วยกัน คือ universal Motor (มีแปรงถ่าน) และอีกชนิดคือ ชนิด Induction Motor
สำหรับเครื่องล้างรถที่ใช้มอเตอร์ชนิด universal Motor นั้นมีจุดเด่นคือความถูก ข้อบกพร่องคือ จะมีความร้อนสะสมรวดเร็วทำให้ใช้งานต่อเนื่องยาวนานไม่ได้ ใช้ประมาณ 20-25 นาที ต้องพักประมาณ 10-15 นาที และมีเสียงดังมาก ถ้าหากคุณใช้งานตามบ้าน ไม่ได้ใช้งานหนักก็ถือว่าเป็นทางเลือกที่ดี ราคาอยู่ประมาณ 2,xxx - 7,xxx บาท ขึ้นอยู่กับยี่ห้อ และ คุณลักษณะครับ
สำหรับเครื่องฉีดน้ำแรงดันสูงที่ใช้มอเตอร์ชนิด Induction Motor เป็นมอเตอร์ความเร็วรอบต่ำ ทำให้ความร้อนสะสมน้อย ทำให้ฉีดต่อเนื่องได้ยาวนาน เสียงเงียบ สำหรับผู้ใช้ตามบ้านที่เป็นห่วงเรื่องเสียงของเครื่องฉีดน้ำ แนะนำให้ใช้เครื่องล้างอัดฉีดที่ใช้มอเตอร์ประเภทนี้ แต่จะต้องแลกมาด้วยค่าตัวของมัน ซึ่งแพงขึ้น มาหน่อย อยู่ราวๆ 6,xxx - 2x,xxxx บาท ขึ้นอยู่กับ ยี่ห้อ แหล่งผลิต วัสดุที่ใช้ในการผลิต และเทคโนโลยี ซึ่งเครื่องฉีดน้ำ ล้างรถในกลุ่มนี้ มีเทคโนโลยีต่างกันมากมาย สำหรับเครื่องฉีดน้ำในกลุ่มนี้
เพียงเท่านี้ ทุกท่านก็หน้าจะเลือกเครื่องฉีดน้ำได้ตรงกับความประสงค์แล้วนะครับ
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)